คอมพิวเตอร์กับการแก้ปัญหาการศึกษาไทย
เทคโนโลยีสารสนเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงของโลกในหลายๆด้านทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมซึ่งนำไปสู่การปรับตัวเพื่อให้เกิดความสามารถในการแข่งขัน ประเทศทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงเรียกว่า
สังคมความรู้ที่จะต้องให้ความสำคัญต่อการใช้ความรู้เป็นปัจจัยในการพัฒนา ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้ข้อมูล
ข่าวสารและความรู้ สามารถลื่นไหลได้สะดวก รวดเร็ว จนสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ระดับบุคคลไปถึงระดับองค์กรอุตสาหกรรม
สังคม ตลอดจนในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ดังนั้นเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเครื่องมือที่สามารถนำประโยชน์มาสู่วงการศึกษาได้อย่างเหมาะสม
หากรู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์และคุ้มค่าต่อการลงทุน อุปกรณ์ที่เป็นเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์จึงนับว่ามีบทบาทอย่างยิ่งซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในทุกวงการ
โดยเฉพาะวงการศึกษาได้นำคอมพิวเตอร์มาใช้ประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นในด้านการบริหาร
การบริการ และการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอน เป็นต้น
ความหมายของคอมพิวเตอร์
คือ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เสมือนสมองกลใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์
คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้งานแทนมนุษย์ในด้าน การคำนวณ และสามารถจำข้อมูลทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้รวมทั้งสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูงโดยปฏิบัติเป็นขั้นตอนและมีความสามารถด้านต่างๆ
เช่น การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลและสามารถประมวลผลจากข้อมูล มาใช้ประโยชน์ในด้านการศึกษาไม่ว่าจะ
เป็นการจัดการเรียนการสอน การลงทะเบียน การจัดทำบัตรนิสิตนักศึกษา
การจัดทำผลการเรียนการสอน จนถึงการออกใบรับรองการจบหลักสูตร
โดยการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ทางการบริหารการศึกษา การนำมาเพื่อการจัดการเรียนการสอนและการใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะของผู้เรียนซึ่งมี 3 ลักษณะด้วยกันในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้
โดยการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ทางการบริหารการศึกษา การนำมาเพื่อการจัดการเรียนการสอนและการใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะของผู้เรียนซึ่งมี 3 ลักษณะด้วยกันในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้
คอมพิวเตอร์เพื่อการบริหาร
การบริหารการศึกษานับเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทาง นโยบาย นำไปสู่แนวทางปฏิบัติในการจัดการศึกษาทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่นจะช่วยให้บริหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมีความพร้อมของข้อมูลในการบริหารจัดการเพื่อการตัดสินใจและกำหนดนโยบายการศึกษาดังนั้นคอมพิวเตอร์จึงเข้ามามีบทบาทในการบริหารการศึกษามากขึ้น
และมีประสิทธิภาพสูงสุดมี 2
ลักษณะคือ 1. การบริหารงานทั่วไปคือ การบริหารงานบุคคล งานธุรการ
การเงินและบัญชี เพื่อประโยชน์ในการวางแผนและบริหารการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. งานบริหารการเรียนการสอน เป็นการนำคอมพิวเตอร์ช่วยในการบริหารของครูผู้สอนนอกเหนือจากงานด้านการสอนปกติ เช่น งานทะเบียน งานด้านเอกสาร การจัดตารางสอน ตารางสอบ การตรวจและการเก็บรวบรวมคะแนน การวัดและประเมินผลการเรียน เป็นต้น
2. งานบริหารการเรียนการสอน เป็นการนำคอมพิวเตอร์ช่วยในการบริหารของครูผู้สอนนอกเหนือจากงานด้านการสอนปกติ เช่น งานทะเบียน งานด้านเอกสาร การจัดตารางสอน ตารางสอบ การตรวจและการเก็บรวบรวมคะแนน การวัดและประเมินผลการเรียน เป็นต้น
คอมพิวเตอร์เพื่อการจัดการเรียนการสอน
คือ เพื่อช่วยให้ครูผู้สอนไม่ต้องเสียเวลากับการงานบริหาร ครูผู้สอนจะได้มีเวลาไปปรับปรุงบทเรียนให้ทันสมัยและมีเวลาให้กับนักเรียนมากขึ้น
เช่น การเลือกข้อสอบ การตรวจและให้คะแนนและวิเคราะห์ข้อสอบ การเก็บประวัตินักเรียนวิชาที่เพื่อดูพัฒนาการด้านการเรียนและการให้คำปรึกษา
และช่วยในการจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการเรียนการสอน ครูผู้สอนสามารถวิเคราะห์ผู้เรียนเพื่อออกแบบและพัฒนาระบบการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพตรงกับวัตถุประสงค์และความต้องการของผู้เรียน
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เป็นกระบวนการเรียนการสอนโดยใช้สื่อคอมพิวเตอร์ ในการนำเสนอเนื้อหาเรื่องราวต่างๆ
มีลักษณะเป็นการเรียนโดยตรงคือ สามารถโต้ตอบระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์ได้ เช่นการสอนระหว่างครูกับนักเรียนที่อยู่ในห้องตามปกติ
การสอนมีหลายประเภทเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เรียน แต่วิธีการที่แตกต่างกันไปข้อดีของการใช้คอมพิวเตอร์ในการช่วยสอนคือช่วยลดความแตกต่างระหว่างผู้เรียน
เช่น ผู้ที่มีผลการเรียนต่ำก็สามารถชดเชยโดยการเรียนจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้
สำหรับผู้มีผลการเรียนสูงก็สามารถเรียนเสริมบทเรียนหรือเรียนล่วงหน้าได้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่ตนเองที่จะศึกษาในครั้งต่อๆไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น